Chatbot in my view


ในช่วงแรก Bot มีการกำหนดทางเดิน (Funnels design) ยกตัวอย่างเช่นระบบ #IVR (Interactive voice response) สำหรับคนที่นึกไม่ออก ก็เช่นเวลาโทรเข้าสำนักงาน บริการต่างๆ จะต้องทำ interact ด้วยการ กด 1 ติดต่อแผนกนั้น กด 2 เพื่อใส่รหัส แล้วตามด้วยเครื่องหมายสี่เหลี่ยม (เป็นการส่งสัญญาณ #DTMF ) เป็นต้น

Bot ตอนแรกนั้นมันถูกออกแบบมาสำหรับการตอบแบบสอบถามทางจิตวิทยา จึงสามารถโต้ตอบด้วยข้อความได้ แต่เป็นแบบตรงไปตรงมา และด้วยความที่มันดูทื่อๆไป ต่อมาจึงมีการพัฒนาให้ bot แสดงความรู้สึก การตอบโต้ที่ดูเป็นธรรมชาติ เหมือนคุยกับคนเลย เรียกว่า Chatbot

การโต้ตอบที่ดูเป็นธรรมชาตินี้ เป็นการนำ #AI (Artificial Intelligence) + #NLP (Natural Language Processing) มาใช้ร่วมกัน ในช่วงแรกมี bot อยู่หลายๆตัว ต่างก็มีรูปแบบการจัดเก็บข้อมูล การกำหนดรูปแบบเงื่อนไขที่แต่งต่างกัน ตอนหลัง pattern matching ถูกเก็บเป็นรูปแบบ XML แล้วกลายเป็นมาภาษาหนึ่ง เรียกว่า #AIML (Artificial Intelligence Markup Language) ซึ่งเพิ่งจะมาเกิด (เป็นที่นิยม) ตอนปี 2001 นี่เอง
ท่านที่อ่านอยู่ แล้วรู้จัก หรือเคยเล่น #eliza #alice และ #elizabeth นี่รุ่นเดอะแล้วนะ LoL 3 ตัวนี้เป็น ChatBot ยอดนิยมเลย ที่โด่งดังสุด ก็เห็นจะเป็น alice และตัวภาษา AIML ก็เกิดมาจากผู้พัฒนา Alice เช่นกัน (Dr. Richard S. Wallace)

ระบบ IVR ได้มีการพัฒนาจากการรับรู้เสียง DTMF ไปเป็นรูปแบบการโต้ตอบด้วยเสียงพูด ด้วยการเอา #ASR (Automatic Speech Recognition) มาร่วมกับ IVR ยกตัวอย่างผู้ให้บริการเช่น #truevoice เราสามารถโต้ตอบด้วยเสียงพูด แทนที่จะมากดปุ่ม เช่น คุณต้องการต่อแผนกใด เราสามารถเลือกตอบ โดยการ "พูด" ได้หลายรูปแบบ เช่น "ฝ่ายขาย", "Sales", "แผนกขาย"

ปัจจุบัน มีการเอา IVR + Video กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่เรียกว่า #IVVR (Interactive Voice and Video Response) Web Browser เกือบทุกตัว สามารถเชื่อมต่อกล้อง (จากโทรศัพท์ หรือ webcam) ลองคิดดูสิว่า แค่เชื่อมต่อ ยังไม่ทันถามอะไร ระบบสามารถรู้ก่อนเลยว่า คนที่ติดต่อเข้ามา เพศอะไร อายุประมาณเท่าไหร่ เด็กหรือผู้ใหญ่ สีผิวอะไร วิเคราะห์อารมณ์จากการแสดงออกทางใบหน้า วิเคราะห์การกระทำจากลักษณะท่าทาง หรือแม้กระทั่งรู้ได้เลยว่าเป็นใคร ชื่ออะไร หากเคยมีบันทึกอยู่ในระบบ